David Herbert Lawrence ผู้ประพันธ์นวนิยาย |
Lady Chatterley 's Lover (ชู้รักของเลดี้ แชทเทอร์ลีย์) เป็น นวนิยาย ที่ประพันธ์ขึ้นโดย DH Lawrence ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2471 ใน เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ในสหราชอาณาจักร มีการสั่งห้ามตีพิมพ์อย่างเปิดเผยจนกระทั่งปี 2503 (ฉบับที่แอบพิมพ์ออกมาโดย Inky Stephensen พิมพ์ที่สำนักพิมพ์ Mandrakeในปี 2472) นวนิยายเรื่องนี้โด่งดังกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในเรื่องราวของความสัมพันธ์ทางกายระหว่างชายหนุ่มชนชั้นแรงงานกับหญิงสาวชนชั้นขุนนาง รวมไปถึงการใช้ถ้อยคำสื่อในเรื่องทางเพศและการเลือกใช้คำที่
ไม่สามารถนำมาตีพิมพ์ได้ ณ เวลานั้น
เรื่องราวที่เขียนขึ้นมีผู้โจษจันว่าอิงมาจากเหตุการณ์ในชีวิตจริงของลอว์เรนซที่ปราศจากความสุขในชีวิตครอบครัว เขาเอาแรงบันดาลใจสำหรับฉากต่างๆมาจาก Eastwood ใน Nottinghamshire ที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา บางบทวิจารณ์ยังคาดว่า เรื่องราวชีวิตทางเพศที่โลดโผนของ เลดี้ Ottoline Morrell กับ "Tiger" ช่างก่อหินหนุ่มที่มาแกะสลัก plinths สำหรับรูปปั้นในสวนของเธอ ก็มีอิทธิพลในเรื่องนี้เช่นกัน ลอว์เรนซ์ครั้งหนึ่งเคยเรียกนวนิยายเรื่องนี้ว่า ความละมุนละไม และเปลี่ยนแปลงเนื้อหาและเรื่องราว จนมีฉบับที่ตีพิมพ์ออกมาแตกต่างกันสามรุ่น
ไม่สามารถนำมาตีพิมพ์ได้ ณ เวลานั้น
เรื่องราวที่เขียนขึ้นมีผู้โจษจันว่าอิงมาจากเหตุการณ์ในชีวิตจริงของลอว์เรนซที่ปราศจากความสุขในชีวิตครอบครัว เขาเอาแรงบันดาลใจสำหรับฉากต่างๆมาจาก Eastwood ใน Nottinghamshire ที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา บางบทวิจารณ์ยังคาดว่า เรื่องราวชีวิตทางเพศที่โลดโผนของ เลดี้ Ottoline Morrell กับ "Tiger" ช่างก่อหินหนุ่มที่มาแกะสลัก plinths สำหรับรูปปั้นในสวนของเธอ ก็มีอิทธิพลในเรื่องนี้เช่นกัน ลอว์เรนซ์ครั้งหนึ่งเคยเรียกนวนิยายเรื่องนี้ว่า ความละมุนละไม และเปลี่ยนแปลงเนื้อหาและเรื่องราว จนมีฉบับที่ตีพิมพ์ออกมาแตกต่างกันสามรุ่น
โครงเรื่องเกี่ยวพันกับหญิงสาวนางหนึ่งที่แต่งงานแล้วนามว่า "Constance" (Lady Chatterley) ผู้ซึ่งสามีของเธอ "Clifford Chatterley" เป็นบุคคลในชนชั้นสูง หากแต่ร่างกายครึ่งตัวของเขานั้นเป็นอัมพาตและไร้สมรรถภาพทางเพศ ด้วยความขุ่นมัวในเรื่องทางเพศ จึงชักนำเธอไปสู่การพัวพันในเรื่องตัณหาความใคร่กับผู้ดูแลการล่าสัตว์ที่ชื่อว่า Oliver Mellors นวนิยายเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่ Constance ตระหนักในความจริงที่ว่า เธอไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากใจและร่างกายแยกจากกัน
Lady Chatterley เป็น ตัวละครเอกในนวนิยาย ก่อนแต่งงาน เธอคือ Constance Reid เป็นบุตรีของชนชั้นกลางผู้มีการศึกษาชาวสกอตนามว่า Sir Malcolm และเป็นพี่สาวของ Hilda ครั้นเมื่อเธอแต่งงานกับ Clifford Chatterley ซึ่งเป็นขุนนางระดับรอง Constance (หรือที่เรียกขานกันสั้นๆตลอดเรื่องว่า
Connie) นามของเธอจึงเปลี่ยนมาเป็น Lady Chatterley ตามบรรดาศักดิ์ของสามี
เนื้อเรื่องย่อ คัดจาก/ขอขอบคุณ www. oknation.net
เนื้อเรื่องย่อ คัดจาก/ขอขอบคุณ www. oknation.net
Danielle Darrieux ผู้แสดงนำในเรื่อง Lady Chatterley's Lover ในปี พ.ศ. 2498 |
หกเดือนต่อมาเขาก็ถูกส่งกลับบ้านที่อังกฤษในลักษณะของคนพิการ ท่อนล่างตั้งแต่สะโพกลงไปหมดความรู้สึกและเคลื่อนไหวไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถให้ความสุขทางกามารมณ์ได้ ในขณะนั้น Connie อายุได้เพียง 23 ปี และ Clifford อายุ 29 ปี
Clifford กับ Connie ได้เดินทางกลับไปอยู่ที่ Wragby Hall เป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ในหมู่บ้านเหมืองแร่เทเวอร์ซอล ต่อมา Clifford ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “เซอร์” ต่อจากบิดา ส่วน Connie ก็ได้เป็น “เลดี้” คนทั้งสองได้เริ่มต้นชีวิตการมีคฤหาสน์แห่งตระกูล Chatterley ที่ต้องดูแลรักษา แต่ก็เต็มไปด้วยความเงียบเหงา
เมื่อ Clifford ไม่สามารถให้ความสุขแก่ Connieในแบบที่สามีปฏิบัติต่อภรรยาได้ Connie ยังโหยหาความสุขแบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องการ เธอมีความรู้สึกว่าคฤหาสน์ของตระกูล Chatterley เป็นคฤหาสน์แห่งความโศกเศร้ามากกว่าจะเป็นคฤหาสน์แห่งความสุขในชีวิตวิวาห์ของเธอ
ต่อมา Clifford ได้จ้างคนสวนและดูแลกีฬาล่าสัตว์คนใหม่ชื่อ Mellors เขาเคยเป็นทหารและมีเมียแล้ว แต่ได้แยกกันอยู่ Mellors เป็นชายที่ร่างกายบึกบึน แม้จะไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ถูกใจ Connie มาก แต่ Mellors ก็เป็นคนที่ชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เป็นคนที่ดูแข็งกร้าว ไม่เกรงกลัวใคร และอยู่แต่ในสวน ทำงานตามที่เจ้านายสั่ง (แต่ในภาพยนตร์หน้าตาของ Mellors จะหล่อเหลาทุกคน)
ในระหว่างนั้น มิสซิสบอสตัน หญิงหม้ายวัยกลางคนได้มาเป็นนางพยาบาลช่วยดูแล Clifford ซึ่งพิการนั่งอยู่แต่บนรถเข็นนั้น จึงทำให้ Connie มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น เธอจึงชอบที่จะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับกระท่อมในป่าของ Mellors อยู่บ่อยๆ
ทั้งสองไม่คุ้นเคยกันนัก เพราะอยู่ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง จนกระทั่งนานวันเข้า ทั้งสองก็เกิดความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันจนกลายเป็นความรักและมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าทั้งสองจะพยายามหักห้ามใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถอดทนต่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจไม่ได้เช่นกัน จึงได้มีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างลับๆเรื่อยมาโดยที่ Clifford ไม่รู้
ระหว่างที่ Connie ไปพักผ่อนตากอากาศ เธอก็ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองว่า “เธอได้ท้องกับ Mellors” แท้จริง Connie ก็ยังคงต้องการมีบุตรกับ Clifford แต่เมื่อเขาไม่สามารถทำตามความต้องการของเธอได้ Connie จึงตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ และบอกความจริงต่อ Clifford เพื่อขอหย่าขาดซึ่งทำให้ Clifford รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ส่วน Mellors ก็หนีออกจากคฤหาสถ์ไปอยู่บ้านนอก เขาได้ทำงานในฟาร์มแห่งหนึ่งเพื่อเก็บเงินและวางแผนจะขอหย่ากับภรรยาเก่า หลังจากนั้นเขาก็รับ Connie มาอยู่ด้วย
นวนิยายเรื่องนำเสนอแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศไว้มากมาย เช่น การถกเถียงกันแลกเปลี่ยนความคิดของคนในหมู่เพื่อนฝูงของ Clifford ในทัศนคติที่มีต่อเรื่องทางเพศ นอกจากนี้ยังได้นำเสนอเรื่องราวของ Connieในอดีตกับเพื่อนชายในสมัยที่ที่เธอไปเรียนหนังสือที่เมือง Dresden เป็นความสัมพันธ์ทางเพศของคนวัยหนุ่มสาวที่หลงระเริงอยู่กับธรรมชาติและเสียงเพลง แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิตเธอ นอกจากความสัมพันธ์ที่ผ่านเลยไปแบบวัยรุ่น คงเหลือทิ้งไว้เพียง “ความทรงจำเก่าๆ ”เท่านั้น หรือแกนหลักของเรื่อง ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเพศที่บกพร่องของ Connie ซึ่งขาดการเติมเต็มจาก Clifford แต่ก็ถูกชดเชยโดย Mellors หรือความสัมพันธ์ทางเพศที่บกพร่องของ Clifford เขาแต่งงานยังไม่ทันได้มีความสุขกับคู่รักเท่าใด ก็ต้องเดินทางกลับไปสู่สมรภูมิรบ เมื่อถูกส่งกลับบ้านด้วยสภาพคนพิการ ก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อภรรยาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ต่อมา Clifford ก็ไปมีความสัมพันธ์กับนางพยาบาลประจำตัว
ความสัมพันธ์ระหว่าง Mellors กับ Connie ใช้เวลานานเพราะต่างก็เก็บงำความรู้สึกเอาไว้ เพราะความแตกต่างในเรื่องศักดิ์ศรีและฐานะที่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์ในครอบครัวที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งคู่ จึงมีความหวาดระแวง ยังไม่วางใจต่อกัน แล้วค่อยๆ เปิดประตูใจของแต่ละฝ่าย จนในที่สุดก็กลายเป็นความรักที่ต้องการจะครอบครองต่อกัน
D.H.Lawrence ได้สะท้อนแนวคิดของตนเองผ่านตัวละครใน “Lady Chatterley's Lover” เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์และสะท้อนก้นบึ้งของหัวใจมนุษย์ปุถุชน ผ่านตัวละคร “Connie” เธอเป็นหญิงสาวในสังคมชั้นสูงแต่ล้มเหลวในชีวิตแต่งงานเพราะสามีไม่สามารถให้ความสุขทางกายอย่างที่เธอต้องการได้ เธอจึงมีความสัมพันธ์ลับๆกับชายอื่น (Mellors)
แสดงให้เห็นว่า มนุษย์มีความต้องการทางเพศตามธรรมชาติ แม้ว่ามันจะถูกครอบงำปกปิดอยู่ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีที่เข้มแข็ง อย่างเช่นสังคมชั้นสูงเพียงใดก็ตาม สักวันหนึ่ง มันก็จะถูกเปิดออกมาตามความต้องการของมัน ในขณะที่ขนบธรรมเนียมประเพณีนั้น เป็น“ตัวกรอบ”ที่ทำให้สังคมเป็นอยู่ด้วยกันอย่างสวยงาม แต่ความรักก็สวยงามกว่า แม้ว่ามันจะเป็นแรงผลักดันให้หัวใจต้องแหวกกรอบนั้นออกมาก็ตาม
No comments:
Post a Comment