Sung by Ray Charles & Aretha Franklin
Sung by Petula Clark
Sung by Gary Lewis and the Playboys
Sung by Lulu
Sung by BJ Thomas
Sung by Tom Jones
Sung by Joe Tex
Sung by The Golden Earrings
Sung by The Moody Blues
Sung by the Troggs
Sung by The Fifth Dimension
Sung by Sandy Posey
Sung by Easybeats
Sung by Tremeloes
Sung by Vanilla Fudge
Sung by The Who
Sung by Jay & The Americans
Sung by Jay & The Techniques
Sung by The Boxtops
TV Ad by The Nelson Brothers
Sung by The Four Seasons
Sung by The Shirelles
Sung by The Supremes
เป็นเพลงพ๊อพซึ่งเดิมทีรังสรรค์ขึ้นเพื่อใช้เป็นเพลงจิงเกิ้ลสำหรับโฆษณาของโคคาโคล่า เพลงนั้นอำนวยการผลิตโดย "Billy Davis" และขับร้องโดยวง "The New Seekers"
เนื้อเพลงสื่อสะท้อนข้อความเปี่ยมด้วยความหวังและความรักจากการขับร้องหมู่ของบรรดาวัยรุ่น ต่างเชื้อชาติและต่างภาษา บนยอดเขา เนื้อเพลงยังรวมเอาประโยค "I'd Like to Buy the World a Coke" และ "It's a Real Thing" ซึ่งถือเป็นแก่นสารทางการตลาดของบริษัทโคคาโคล่าในขณะนั้น เพลงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนมีการนำไปขับร้องใหม่หลายครั้ง รวมถึงเพลงเต็มที่เอาแก่นสารทางการตลาดของโคคาโคล่าออก เพลงที่ขับร้องเต็มสมบูรณ์โดยวง The New Seekers สามารถขึ้นถึงอันดับหนึ่งและเจ็ดในสหราชอาณาจักรและสหรัฐ ตามลำดับ
เบื้องหลังเพลงโฆษณา
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซด์ของบริษัทโคคาโคล่าบางส่วน ดังมีใจความว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2514 Bill Backer ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สำหรับบริษัทเอเจนซี่โฆษณา McCann Erickson ผู้ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปลอนดอนเพื่อร่วมงานกับสองนักแต่งเพลง "Billy Davis" และ "Roger Cook" ในภารกิจงานโฆษณาทางวิทยุทั้งหลายให้กับบริษัท Coca - Cola ขณะนั้นหมอกลงจัดที่สนามบินนานาชาติฮีทโทรว์ เครื่องบินของ Backer จึงต้องย้ายไปลงจอดที่สนามบิน Shannon ในประเทศไอร์แลนด์ และผู้โดยสารเหล่าคนแปลกหน้าประดามี จำต้องใช้ห้องพักโรงแรมเฉพาะในพื้นที่จำกัดร่วมกัน อันก่อให้เกิดอารมณ์ตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซด์ของบริษัทโคคาโคล่าบางส่วน ดังมีใจความว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2514 Bill Backer ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สำหรับบริษัทเอเจนซี่โฆษณา McCann Erickson ผู้ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปลอนดอนเพื่อร่วมงานกับสองนักแต่งเพลง "Billy Davis" และ "Roger Cook" ในภารกิจงานโฆษณาทางวิทยุทั้งหลายให้กับบริษัท Coca - Cola ขณะนั้นหมอกลงจัดที่สนามบินนานาชาติฮีทโทรว์ เครื่องบินของ Backer จึงต้องย้ายไปลงจอดที่สนามบิน Shannon ในประเทศไอร์แลนด์ และผู้โดยสารเหล่าคนแปลกหน้าประดามี จำต้องใช้ห้องพักโรงแรมเฉพาะในพื้นที่จำกัดร่วมกัน อันก่อให้เกิดอารมณ์ตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น
และแล้วในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น Backer สังเกตว่า แม้ผู้โดยสารที่ดูโกรธเกรี้ยวที่สุดเมื่อวานนี้ กลับหัวเราะสนุกสนานขณะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวของขวด Coca - Cola ด้วยกันในร้านกาแฟสนามบิน ในระหว่างที่รอคอยเที่ยวบินของพวกเขา ประสบการณ์นี้จึงเป็นแรงบันดาลใจในการแปลงแนวความคิดของพลัง Coca - Cola ในการเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคทั่วโลก ผลลัพธ์ที่ได้ จึงบังเกิดเป็นงานเพลงโฆษณาที่มีชื่อเสียงที่สุดงานหนึ่ง ในชื่อว่า "I'd Like to Buy the World a Coke and Keep It Company" ซึ่ง ฺBacker จดบัึนทึกชื่อนี้ไว้บนกระดาษเช็ดปากขณะโดยสารอยู่บนเครื่องบิน
ทันทีที่ถึงลอนดอน Backer ทำงานร่วมกับ Davis และ Cook ในการแต่งเนื้อร้องของเพลงนั้นตลอดทั้งคืน จนกระทั่งวันต่อมา จึงทำการอัดเพลง จากการขับร้องโดยวงดนตรี "The New Seekers" คณะนักร้องชาวออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น ผสานความเป็นโฟล์คพ๊อพได้อย่างลงตัว และจัดส่งลงเรือไปยังสถานีวิทยุต่างๆของสหรัฐ ทันทีที่ออกอากาศ ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น บริษัทขวดของ Coca Cola ไม่ชอบใจเพลงนี้เท่าไรนัก จึงปฏิเสธที่จะซื้อเวลาออกอากาศภายในประเทศ
เนื่องจาก McCann Erickson มีความเชื่อมั่นในเพลง หากทว่าไม่เพียงแค่เพลงที่สดับฟังได้เท่านั้น ควรจะนำเสนอสื่อสารเพลงนี้สู่สายตาผู้ชมด้วย จึงโน้มน้าวบริษัท Coca Cola ให้ออกสื่อทางโทรทัศน์ ซึ่งมีการใช้งบประมาณที่นับว่าสูงมากทีเดียวในห้วงเวลานั้น
จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ โฆษณาเพลงชุดดังกล่าว จัดได้ว่าประสบความสำเร็จ และเป็นที่จดจำมากที่สุดงานหนึ่งในประวัติศาสตร์งานโฆษณา
Sung by Tim Finn
Sung by Salina
Sung by Robin Beck
No comments:
Post a Comment