Stars Classic

Tuesday, January 18, 2011

อิสราเอล กะมะค่าวิโวเล่ Israel Kamakawiwo-ole (IZ) -Hawaiian Jazz and Reggae

อิสราเอล กะมะค่าวิโวเล่
 Somewhere Over the Rainbow/What a Wonderful World 
ในแบบฉบับ Hawaiian Reggae Jazz


อิสราเอล กะมะค่าวิโวเล่ ( ออกเสียงแปร่งเป็นภาษาฮาวาย) หรือเรียกสั้นๆว่า Iz เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2502 จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2540) ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักดนตรีฮาวายที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศคนหนึ่ง เมื่ออัลบั้มของเขา "Facing Future" ได้เปิดตัวในปี 2536 เพลงในท่วงทำนอง medley  อย่าง "Somewhere Over Rainbow" และ "What a Wonderful World"ได้ถูกนำมาใช้ในงานภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์ และ โฆษณาต่อมาหลายครั้ง

การเล่นดนตรีแนวผสานกันกับแนวดนตรีอื่น ๆ  (อาทิเช่น ดนตรีแจ๊ส และ Reggae ) ผ่านเครื่องดนตรีซอสี่สายแบบฮาวาย ทำให้เขายังคงเป็นหนึ่งในนักดนตรีผู้ทรงอิทธิพลหลักต่อวงการเพลงฮาวายต่อเนื่องต่อมาในอีกกว่า 15 ปี ภายหลังจากที่เขามีชื่อเสียงแล้ว




ในวัยเยาว์
อิสราเอลเกิดที่ โรงพยาบาล Kuakini ใน Honolulu  บิดาชื่อนายเฮนรี่ Kaleialoha Naniwa Kamakawiwoole จูเนียร์ และมารดาคือ นาง Evangeline Leinani เขาได้รับการเลี้ยงดูในชุมชนที่ Kaimuki ที่ซึ่งพ่อแม่ของเขาได้พบและแต่งงานกัน  เริ่มเล่นดนตรีด้วยกันกับพี่ชายที่ชื่อ Skippy  และลูกพี่ลูกน้อง Allen Thornton ในขณะอายุได้เพียง 11 ขวบ  และชอบเพลงของนักดนตรีชาวฮาวายที่อยู่ในวงการบันเทิง ณ เวลาดังกล่าว นามว่า Peter Moon, Palani Vaughn, และ Don Ho  แม้ว่าในภายหลัง Skippy พี่ชายของเขาถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารประจำการในปี 2514  และ Allen ผู้เป็นญาติ จะแยกตัวออกไปแสวงหาเส้นทางเดินของตนเองยังแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐเมื่อปี 2519 อิสราเอลก็ยังคงใช้เส้นทางสายดนตรีสายเดิมของเขาอย่างต่อเนื่องต่อไปตามลำพัง



ช่วงวัยรุ่น เขาเข้าศึกษาที่ Upward Bound of the University of Hawaii at Hilo และครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ Makaha ที่ซึ่งเขามีโอกาสได้พบกับ Louis "Moon" Kauakahi, Sam Gray และ Jerome Koko และได้ร่วมกันกับพี่ชาย Skippy ตั้งวงดนตรี Makaha Sons of Ni'ihau ตลอดทศวรรษของปี  2519 วงดนตรีร่วมยุคของฮาวายได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงได้ออกเดินสายการแสดงทางดนตรีทั่วทั้งเกาะฮาวายและแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ ประสบความสำเร็จในการออกอัลบั้มมาไม่น้อยกว่า 15 ชุด

ปี 2525 พี่ชายของอิสราเอลเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว และในปีเดียวกันนั้นเขาก็แต่งงานกับหวานใจตั้งแต่สมัยเด็กของเขานามว่า Marlene ไม่นานนักก็มีบุตรี ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อว่า Ceslie-Anne "Wehi"


เส้นทางสายดนตรี
อิสราเอลก่อตั้งวง Makaha Sons of Ni'hau ร่วมกับพี่ชาย Skippy และเพื่อนนักดนตรี Louis "Moon" Kauakahi, Sam Gray และ Jerome Koko และได้อัดเพลง "No Kristo" ในปี 2519 ตามมาด้วยอีก 4 อัลบั้มติดต่อกัน ทั้ง Kahea O Keale, Keala, Makaha Sons Of Ni'ihau และ Mahalo Ke Akua จนกระทั่งพี่ชายเสียชีวิตในปี 2525 วงดนตรีได้รับความนิยมสูงสุดบนเกาะฮาวายในฐานะวงดนตรีในแนวเพลงประจำถิ่น ยกเว้นอัลบั้มบางชุดที่ฉีกแนวออกไปในปี 2527 ชื่อว่า Puana Hou Me Ke Aloha และชุดต่อเนื่องที่ชื่อ Ho'ola 



อิสราเอลออกอัลบั้มสุดท้ายร่วมกับวง ในปี 2534 ที่ชื่อ Ho'oluana ก่อนที่เขาจะแยกตัวออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว ทุกวันนี้วงนี้ยังคงถือเป็นวงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทางด้านยอดขายแผ่นเสียงในฮาวาย


ปี 2533 อิสราเอลออกอัมบั้มเดี่ยวที่ใช้ชื่อว่า  Ka 'no' ซึ่งได้รับรางวัลทางด้านเพลงร่วมยุคสมัยแห่งปี และนักร้องชายยอดเยี่ยมแห่งปี จากสถาบันบันทึกเสียงศิลป์แห่งฮาวาย (HARA) อัลบั้ม "Facing Future" ออกจำหน่ายเมื่อปี 2536 สังกัดบริษัท The Mountain Apple มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเขาที่ชื่อ "Somewhere Over the Rainbow/What a Wonderful World"  รวมทั้ง "Hawai'i 78", "White Sandy Beach of Hawai'i", "Maui Hawaiian Sup'pa Man" และ "Kaulana Kawaihae" 

"Facing Future" ออกตัวขึ้นสู่ชาร์ตในอันดับที่ 25 จัดขึ้นโดยนิตยสารบิลบอร์ต ในวันที่ 26 ตุลาคม ปี 2548 และยังเป็นแผ่นเสียงทองคำรับรองแผ่นแรกของฮาวายอีกด้วย มียอดจำหน่ายมากกว่า 1,000,000 แผ่นในสหรัฐ ตามตัวเลขที่แสดงโดย The Recording Industry Association of America

วันที่ 21 กรกฎาคม 2548 สถานีวิทยุบีบีซี 1 ออกประกาศว่าเพลง "Somewhere Over the Rainbow/What a Wonderful World (True Dreams)" จะถูกตัดมาเป็นซิงเกิ้ลเพื่อจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา

ในปี 2537 อิสราเอลได้รับการโหวตคัดเลือกให้เป็นผู้ให้ความบันเทิงที่เป็นคนโปรดแห่งปี โดยสถาบัน HARA อีกครั้ง

อัลบั้ม E Ala E (2538) มีเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง ชื่อ  "E Ala E" และ "Kaleohano"  และอัลบั้ม  N Dis Life (2539) มีเพลง "In This Life" และ "Starting All Over Again" 

อิสราเอลนั้นยังมีชื่อเสียงในฐานะนักรณรงค์ทั้งเพื่อสิทธิมนุษยชนของฮาวายและการแบ่งแยกฮาวายออกเป็นรัฐปกครองอิสระ ผ่านทางเนื้อหาของบทเพลง ที่มักกล่าวถึงความเป็นอิสระภาพทั้งในแผ่นดินเกิดและชีวิตของเขาเอง

อีกครั้งที่สถาบัน HARA ยกย่องเชิดชูเกียรติเขาในปี 2540 โดยมอบรางวัล Nā Hōkū Hanohano ในฐานะนักร้องชายยอดเยี่ยมแห่งปี, ผู้ให้ความบันเทิงที่เป็นคนโปรดแห่งปี, อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี และอัลบั้มเพลงร่วมสมัยยอดเยี่ยมของปี แต่เขาได้มีโอกาสเพียงดูพิธีมอบรางวัลที่จัดขึ้นให้เขาในโรงพยาบาลเท่านั้น

เพลง Alone in Iz World (2544) ขึ้นสูงสุดสู่อันดับที่ 1 ในบิลบอร์ตชาร์ตของสหรัฐอเมริกาในกลุ่มเพลงต่างประเทศ, อันดับที่ 135 ในบิลบอร์ตเพลงยอดนิยม 200, อันดับที่ 13 ของชาร์ตเพลงอัลบั้มอิสระ และอันดับที่ 15 ของชาร์ตอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ตสูงสุด


การเสียชีวิต
ตลอดบั้นปลายของชีวิต อิสราเอลมีปัญหาจากโรคอ้วนมาโดยตลอด เคยมีน้ำหนักมากถึง 757 พาวนด์ หรือ 343 กิโลแกรม โดยมีความสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว หรือ 188 ซม. เขาต้องทนทุกข์ในการเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งอันเนื่องมาจากสภาวะน้ำหนักเกินของเขาเอง และเพียงอายุได้ 38 ปีเท่านั้น เขาก็เสียชีวิต ด้วยความเจ็บป่วยจากโรคอันเกี่ยวเนื่องจากการมีน้ำหนักมากที่โรงพยาบาล The Queen's Medical Center ในโฮโนลูลู เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2540 ขณะเวลา 12:18 น.


ธงชาติประจำรัฐฮาวาย ถูกชักลงครึ่งเสา เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของเขา ในงานพิธีฝังศพเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปีเดียวกัน โลงศพที่ทำขึ้นจากไม้พื้นเมืองจัดวางไว้ที่อาคารเมืองแห่งรัฐในโฮโนลูลู นับเป็นบุคคลที่สามที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติอันสูงส่งเยี่ยงนี้ ในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประมาณกันว่ามีผู้คนมากกว่าแสนคนเข้าร่วมในพิธีฝังศพของเขา แฟนเพลงนับพันรวมรวมขี้เถาจากอัฐิของเขาเพื่อนำไปโปรยลงสู่พื้นท้องทะเลมหาสมุทรแปซิฟิก ในบริเวณชายหาด Mākua เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 2540


ภรรยาของอิสราเอลร่วมเป็นเกียรติในพิธิรำลึกและถ่ายรูปกับรูปปั้นหล่อครึ่งตัวของเขา

วันที่ 20 กันยายน ปี 2546 ผู้คนจำนวนหลายร้อยคนร่วมกันจัดงานรำลึกถึงต่อการจากไปของเขาและทำรูปหล่อสัมฤทธิ์ครึ่งตัวเพื่อนำไปวางไว้ที่ศูนย์กลางชุมชน Waianae Neighborhood ใน O'ahu   Marlene ภรรยาหม้ายของอิสราเอลร่วมกับ Jan-Michelle Sawyer ศิลปินผู้ปั้นรูปเขา อยู่ร่วมเป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์รำลึกครั้งนั้นด้วย 

No comments: