La Vie En Rose
เป็นเพลงรักที่ไพเราะมากเพลงหนึ่ง ชื่อเพลงมีความหมายในทำนองว่า "ชีวิตดั่งเฉดสีของกุหลาบ" ทำนองเพลงประพันธ์ขึ้นประมาณปี 2489 หรือก่อนหน้านั้น โดย Louis Gugliemi ซึ่งแทนตนเองด้วยชื่อ "Louiguy" และยังเป็นผู้ประพันธ์เพลง "Cherry Pink and Apple Blossom White" ผู้แต่งเนื้อร้องในแบบต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสคือ "Édith Piaf" เธอทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ส่วนผู้แต่งเพลงในแบบฉบับภาษาอังกฤษที่ "Louis Armstrong" ขับร้อง ที่นำมาให้ฟังนี้ แต่งขึ้นโดยผู้ประพันธ์ชื่อ "Mack David" มีผู้นำมาขับร้องเฉพาะภาษาอังกฤษมากมาย นอกจาก Louis Armstrong แล้วยังรวมถึง Shirley Bassey, Petula Clark, Bing Crosby, Connie Francis, BB King, Julio Iglesius และ Katheline Jenkins เป็นต้น (ฟังเวอร์ชั่นเพลงเป็นภาษาฝรั่งเศส ได้ที่ link http://www.angelfire.com/ca5/magic1/sounds.html)
A Lover's Concerto
เป็นเพลงพ๊อพ แต่งขึ้นโดยคู่ของผู้ประพันธ์เพลงชาวอเมริกัน 2 ท่าน นามว่า Sandy Linzer และ Denny Randell และใช้ท่วงทำนองเลียนแบบ "Minuet in G Major" ของ J.S. Bach ผู้ที่ขับร้องเป็นครั้งแรกนั้น เป็นวงสามสาวทรีโอผิวสี "The Toys" ออกมาในปี 2508 ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรในปีเดียวกันนั้น และสามารถไต่ขึ้นถึงอันดับสองได้ในบิลบอร์ตชาร์ต ตัวอย่างคลิปที่นำมาให้ฟังนี้เป็นเสียงขับร้องของวง "The Supremes" ทรีโอที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ซึ่งนำมาขับร้องในภายหลัง นอกจากทั้งสองวงที่กล่าวมาแล้ว ยังมีศิลปินอื่นๆ ที่ขับร้องแล้วเป็นที่นิยม เช่น The Pearls, The Lennon Sisters รวมถึง Kelly Chen นักร้องและนักแสดงสัญชาติฮ่องกง ที่ได้รับความนิยมในเอเซีย รวมทั้งบ้านเราด้วย
Devoted to you
เป็นเพลงที่ประพันธ์โดย "Felice" และ "Boudleaux Bryant" ที่ขับร้องและเป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นของวง "The Everly Brothers" ในอัลบั้ม "Bird Dog" ออกในปี 2501 ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ แคนาดา และออสเตรเลีย ส่วนเวอร์ชั่นที่ฟังอยู่นี้เป็นของวง The Beach Boys วงร็อคแอนด์โรลที่มีชื่อเสียงมากของสหรัฐ ขับร้องโดยสมาชิกวงชื่อ Mike Love และ Brian Wilson ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม "Gettin' Hungry" และนำออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2508 หลังจาก Everly Brothers ประมาณ 8 ปี
เป็นเพลงที่ประพันธ์โดย "Felice" และ "Boudleaux Bryant" ที่ขับร้องและเป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นของวง "The Everly Brothers" ในอัลบั้ม "Bird Dog" ออกในปี 2501 ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ แคนาดา และออสเตรเลีย ส่วนเวอร์ชั่นที่ฟังอยู่นี้เป็นของวง The Beach Boys วงร็อคแอนด์โรลที่มีชื่อเสียงมากของสหรัฐ ขับร้องโดยสมาชิกวงชื่อ Mike Love และ Brian Wilson ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม "Gettin' Hungry" และนำออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2508 หลังจาก Everly Brothers ประมาณ 8 ปี
Sealed with a Kiss
ประพันธ์โดย "Peter Udell" และ "Gary Geld" วง The Four Voices ขับร้องในปี 2503 แต่น่าผิดหวังที่ไม่ได้รับความนิยม กลับเป็น "Brian Hyland" ที่เราได้ฟังในที่นี้ ที่เป็นผู้ทำให้เพลงนี้ฮิตในอีกสองปีให้หลัง ทั้งสองฝั่งทวีป และเป็นเช่นนั้นเรี่อยมากับนักร้องรุ่นหลัง ที่เพลงยังคงมีมนต์ขลังสามารถทำให้เป็นที่นิยมได้เสมอมา ไม่ว่าจะเป็น "Gary Lewis and the Playboys", Bobby Vinton , The Lettermen, The Toys และ Jason Donovan เป็นต้น
Let it be Me
เช่นเดียวกัน กับ La Vie En Rose เพลงดั้งเดิมเป็นฝรั่งเศส ออกมาในปี 2498 ทำนองประพันธ์ขึ้นโดย "Gilbert Bécaud" และเนื้อร้องโดย "Pierre Delanoë" ส่วนเพลงในแบบฉบับภาษาอังกฤษ นำเข้ามาขับร้องทางโทรทัศน์ก่อน "The Everly Brothers" 3 ปี แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก จนกระทั่ง "The Everly Brothers" ร้องเมื่อปี 2503 หลังจากนั้นในยุคเดียวกัน ไม่ว่าใครจะนำมาขับร้อง ในแนวเพลงแตกต่างกันแค่ไหนก็ตาม ก็โด่งดังทั้งสิ้น อย่างเช่น Betty Everett และ Jerry Butler, The Sweet Inspirations, Glen Campbell & Bobbie Gentry, Willie Nelson และ Bob Dylan ส่วนคลิปที่คุณได้ฟังนี้ เป็นเสียงขับร้องดิวโอ้ของ "Skeeter Davis" และ "Bobby Bare" ออกมาในเดือนตุล่าคม พ.ศ. 2507
I Will
เพลงมีความหมายของคำรักที่ลึกซึ้งกินใจมาก จนมีผู้เอาวลี หรือประโยคบางช่วง ไปใช้ในงานเพลง งานภาพยนตร์อื่นต่อๆมาหลายครั้ง ที่มาของเพลงนั้น ส่วนตัว ชั่งใจอยู่ ที่จะเขียนถึงที่มาของเพลงนี้ ตามที่ได้ค้นคว้ามา จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ อาจดูน่าแปลกใจและน่าขันเล็กน้อย จากในสารคดีโทรทัศน์เรื่อง The Beatles Anthology ซึ่ง พอล, จอร์จและริงโก้ กำลังพักผ่อนเอกเขนกอยู่ด้วยกัน ริงโก้ได้ถามพอลว่าเขาจะแต่งเพลงอะไรที่ประเทศอินเดียและพอลก็ตอบว่า "I Will" จอร์จเริ่มต้นเล่นเพลงนี้ด้วยซอสี่สายของฮาวาย ในขณะที่ริงโก้และพอลช่วยกันขัดเกลาเพลง ความจริงพอลใช้เวลาปรับเพลงนี้อยู่นานมาก แม้แต่ขณะอยู่ในประเทศอินเดียก็ยังไม่สำเร็จ จนวงได้ Donovan มาช่วยแต่งเนื้อร้อง และก็ปรับอยู่อีกเป็นเดือนๆกว่าจะสำเร็จในที่สุด เพลงนี้ John Lennon และ George Harrison ไม่ได้ร่วมร้องด้วย และอย่างที่เข้าใจกัน เพลงอมตะก็ย่อมมีผู้นำมาขับร้องต่อ เพลงนี้ก็ไม่เว้น มีผู้นำมาขับร้องใหม่มากมาย เช่น Ben Taylor, The Cars เป็นต้น
Only The Lonely
เป็นเพลงรักคุด ที่ ผู้ประพันธ์และผู้ร้องเป็นคนเดียวกัน คือ Roy Orbison มีกลิ่นอายช่วงเปลี่ยนแปลงของร็อคแอนด์โรลผสมอาร์แอนด์บี จึงได้รับความนิยมในบิลบอร์ตเพลงทั้งสองแนว เพลงยังขึ้นอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร และ อยู่ติดต่อกันนานกว่าหกเดือน เพลงได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในห้าร้อยเพลงยอดนิยมตลอดกาลของรางวัลหอเกียรติยศของแกรมมี่
Dreamin'
เป็นเพลงรักคุด ที่ ผู้ประพันธ์และผู้ร้องเป็นคนเดียวกัน คือ Roy Orbison มีกลิ่นอายช่วงเปลี่ยนแปลงของร็อคแอนด์โรลผสมอาร์แอนด์บี จึงได้รับความนิยมในบิลบอร์ตเพลงทั้งสองแนว เพลงยังขึ้นอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร และ อยู่ติดต่อกันนานกว่าหกเดือน เพลงได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในห้าร้อยเพลงยอดนิยมตลอดกาลของรางวัลหอเกียรติยศของแกรมมี่
>> โปรดติดตาม ยังมีต่อ
No comments:
Post a Comment